5 ประโยชน์คอลลาเจน ที่หลายคนไม่เคยรู้

คอลลาเจน (Collagen) เป็นหนึ่งในสารอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มาเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพและความงาม หลายคนอาจคุ้นกับภาพลักษณ์ของคอลลาเจนในฐานะ “ตัวช่วยผิวสวย” 

แต่ความจริงแล้ว ประโยชน์คอลลาเจน ไม่ได้มีแค่เรื่องผิวพรรณเท่านั้น เพราะมันยังมีบทบาทสำคัญต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อ กระดูก กล้ามเนื้อ หรือแม้แต่หัวใจ ซึ่งถ้าเข้าใจครบถ้วน จะทำให้คุณมองคอลลาเจนเป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม แต่เป็นส่วนสำคัญของสุขภาพร่างกายโดยรวม

ประโยชน์คอลลาเจน คอลลาเจนบำรุงสุขภาพผิว, คอลลาเจนเสริมความแข็งแรงให้ข้อต่อ, คอลลาเจนเสริมความแข็งแรงให้กระดูก, คอลลาเจนช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ, คอลลาเจนบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

ทำความรู้จักกับ ‘คอลลาเจน’

คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนเชิงเส้น (Fibrous Protein) ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue) ในร่างกาย พบได้ในผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูก กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด คิดเป็น ประมาณ 30% ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย และกว่า 70% ของผิวหนัง

คอลลาเจนมีหลายชนิด (มากกว่า 28 ชนิด) แต่ชนิดที่พบมากและเกี่ยวข้องกับสุขภาพในชีวิตประจำวันมี 3 ชนิดหลักคือ

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I) – พบมากที่สุดในผิว กระดูก เส้นเอ็น และฟัน ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงและยืดหยุ่น
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Type II) – พบในกระดูกอ่อนของข้อต่อ ช่วยลดแรงกระแทกและทำให้เคลื่อนไหวได้ราบรื่น
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Type III) – พบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด ช่วยให้เนื้อเยื่อยืดหยุ่นและแข็งแรง

ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองจากกรดอะมิโนที่ได้จากอาหาร เช่น ไกลซีน (Glycine), โพรลีน (Proline) และไฮดรอกซีโพรลีน (Hydroxyproline) แต่จำเป็นต้องอาศัยสารอาหารร่วม เช่น วิตามิน C, ทองแดง และสังกะสี เพื่อช่วยในกระบวนการสังเคราะห์

เมื่ออายุ 25 ปี กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะเริ่มลดลงปีละ 1-2% และเสื่อมลงเร็วขึ้นหากมีปัจจัยทำลายคอลลาเจน เช่น แสงแดดจัด ความเครียด การนอนดึก หรืออาหารไม่สมดุล ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ข้อต่อเสื่อม และกระดูกเปราะง่าย

5 ประโยชน์คอลลาเจน ที่หลายคนไม่เคยรู้

1. คอลลาเจนบำรุงสุขภาพผิว

คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักของชั้นหนังแท้ (Dermis) ทำหน้าที่เสมือนโครงสร้างค้ำจุนผิวให้เต่งตึงและยืดหยุ่น เมื่อมีคอลลาเจนเพียงพอ ผิวจะดูเรียบเนียน ลดการเกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น อีกทั้งยังช่วยเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีขึ้น หลายงานวิจัยพบว่าการรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ต่อเนื่อง 8-12 สัปดาห์ ประโยชน์คอลลาเจนสามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวและลดความแห้งกร้านได้อย่างชัดเจน

2. คอลลาเจนเสริมความแข็งแรงให้ข้อต่อ

ข้อต่อของเรามี “กระดูกอ่อน” ที่ทำหน้าที่ลดแรงกระแทกและทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งกระดูกอ่อนนี้มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลัก หากคอลลาเจนลดลง กระดูกอ่อนจะบางและเสื่อมสภาพเร็ว ทำให้เกิดอาการปวดและข้อติดได้ ประโยชน์คอลลาเจน อาจช่วยลดอาการปวดข้อต่อและช่วยให้การเคลื่อนไหวดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ใช้ข้อต่อหนัก เช่น นักกีฬา

3. คอลลาเจนเสริมความแข็งแรงให้กระดูก

หลายคนคิดว่ากระดูกมีแต่แคลเซียม แต่จริงๆ แล้วโครงสร้างของกระดูกกว่า 30% เป็นคอลลาเจน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนโครงร่างที่รองรับแคลเซียมและแร่ธาตุต่างๆ หากร่างกายขาดคอลลาเจน กระดูกจะเปราะและหักง่าย แม้จะได้รับแคลเซียมเพียงพอก็ตาม การเสริมคอลลาเจนควบคู่กับแคลเซียมและวิตามิน D จึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรงอย่างแท้จริง

4. คอลลาเจนช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นก็มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบเช่นกัน ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงและช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อหลังการใช้งานหนัก เช่น การออกกำลังกายหรือบาดเจ็บ คอลลาเจนช่วยให้การฟื้นตัวของกล้ามเนื้อเร็วขึ้น ลดการอักเสบ และช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุ

5. คอลลาเจนบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

คอลลาเจนเป็นส่วนหนึ่งของผนังหลอดเลือด ช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง เมื่อคอลลาเจนในผนังหลอดเลือดลดลง อาจทำให้หลอดเลือดแข็งและเปราะ เสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ การมีคอลลาเจนเพียงพอจึงช่วยรักษาสุขภาพหลอดเลือดและการไหลเวียนของเลือดให้เป็นปกติ

แหล่งคอลลาเจนและเคล็ดลับเพิ่มคอลลาเจนให้ร่างกาย

แหล่งคอลลาเจนจากอาหาร

  • จากสัตว์
    • หนังปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลานิล
    • หนังไก่ เอ็นหมู เอ็นวัว
    • ซุปกระดูกต้มช้า (Bone Broth) ที่เคี่ยวหลายชั่วโมง เพื่อสกัดคอลลาเจนออกมา
    • แมงกะพรุนหรือปลิงทะเล (ในอาหารบางภูมิภาค)
  • จากอาหารทะเล: ปลาทะเลลึกและสัตว์น้ำเปลือกแข็ง เช่น ปู กุ้ง มีคอลลาเจนและสารตั้งต้นที่ช่วยสร้างคอลลาเจน

อาหารที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

  • โปรตีนคุณภาพสูง: เนื้อหมู เนื้อวัว ปลา ไข่
  • วิตามิน C: ส้ม ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี พริกหวาน
  • ทองแดง (Copper): ถั่วเปลือกแข็ง อาหารทะเล ธัญพืชเต็มเมล็ด
  • ซิลิกา: แตงกวา ถั่วเขียว ข้าวโอ๊ต
  • สารต้านอนุมูลอิสระ: เช่น เบอร์รีและผักสีเข้ม ช่วยป้องกันการทำลายคอลลาเจนจากอนุมูลอิสระ

เคล็ดลับเพิ่มคอลลาเจนให้ร่างกาย

  1. รับประทานอาหารครบหมู่ เน้นโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ
  2. ดื่มน้ำเพียงพอ เพราะการขาดน้ำทำให้โครงสร้างคอลลาเจนในผิวสูญเสียความยืดหยุ่น
  3. นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจน
  4. หลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลสูง เพราะน้ำตาลทำให้คอลลาเจนแข็งและเสื่อมคุณภาพ
  5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการไหลเวียนเลือดที่ดีช่วยลำเลียงสารอาหารไปสร้างคอลลาเจน

สิ่งที่ทำลายคอลลาเจน มีอะไรบ้าง?

  1. รังสี UV จากแสงแดด

รังสี UVA และ UVB สามารถทำลายเส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ทำให้คอลลาเจนแตกตัวเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้ผิวเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อย ควรป้องกันด้วยครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป และสวมเสื้อผ้ากันแดด

  1. น้ำตาลและอาหารแปรรูป

น้ำตาลจะทำปฏิกิริยากับโปรตีนในร่างกาย เกิดเป็นกระบวนการ ไกลเคชัน (Glycation) ทำให้คอลลาเจนแข็งและเสื่อมคุณภาพ ควรลดการบริโภคน้ำตาล เครื่องดื่มหวาน และขนมขบเคี้ยว

  1. การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

สารพิษจากบุหรี่ลดการไหลเวียนเลือดและยับยั้งการสร้างคอลลาเจน และแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำและสารอาหารที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจน

  1. ความเครียดเรื้อรัง

ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่หลั่งออกมามากเกินไปจากความเครียด สามารถลดกระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย

  1. การนอนหลับไม่เพียงพอ

ช่วงเวลานอนหลับลึกเป็นช่วงที่ร่างกายสร้างและซ่อมแซมคอลลาเจน ถ้านอนดึกหรือนอนไม่พอ ร่างกายจะซ่อมแซมได้ไม่เต็มที่

ประโยชน์คอลลาเจน ไม่ได้มีแค่เรื่องผิวพรรณเท่านั้น เพราะมันยังมีบทบาทสำคัญต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อ กระดูก กล้ามเนื้อ หรือแม้แต่หัวใจ

ข้อควรระวังในการบริโภคคอลลาเจน

  • เลือกคอลลาเจนที่ได้มาตรฐาน

ควรมีการรับรองจาก อย. หรือมาตรฐานสากล เช่น GMP, HACCP เพื่อความปลอดภัย

  • ชนิดคอลลาเจนและการดูดซึม

ควรเลือกคอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) หรือไฮโดรไลซ์คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) เพราะมีโมเลกุลเล็ก ดูดซึมง่าย และควรรับประทานพร้อมวิตามิน C เพื่อช่วยให้ร่างกายนำไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น

  • ปริมาณการบริโภค

ปริมาณแนะนำทั่วไปคือ 2,500–10,000 มิลลิกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และคำแนะนำของผู้ผลิต รวมถึงการทานมากเกินไปไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นเสมอ และอาจทำให้สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น

  • กลุ่มคนที่ควรระมัดระวัง

ผู้ที่มีโรคไตหรือปัญหาการขับโปรตีน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และผู้แพ้อาหารทะเลควรตรวจสอบแหล่งที่มาของคอลลาเจน เพราะหลายยี่ห้อผลิตจากปลา

  • ไม่ใช้คอลลาเจนแทนการดูแลสุขภาพ

คอลลาเจนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพ ควรควบคู่กับการกินอาหารครบหมู่ ออกกำลังกาย และพักผ่อนเพียงพอ

Super You คอลลาเจน

ซูเปอร์ เคลียร์ คอลลาเจน – คอลลาเจนที่ช่วยดูแลเรื่องผิว ผม เล็บ หน้า สิว ครบจบในซองเดียว การันตีด้วยมาตรฐานระดับสากลจากรางวัล Japan Beauty Awards 2023 งามในแบบฉบับคนญี่ปุ่น

ซูเปอร์ เคลียร์ คอลลาเจน มาพร้อมคอลลาเจน 3x คอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย คอลลาเจน Type I ครบ 3 ชนิดทั้ง Dipeptine, Tripeptine และ Peptine ปริมาณถึง 10,000 มิลลิกรัม และสารสกัดอื่นๆ จากธรรมชาติ อีก 6,000 มิลลิกรัม ได้แก่ กลูต้า สารตั้งต้นกลูต้า สารสกัดซากุระจากประเทศญี่ปุ่น วิตามินซี วิตามินอี และวิตามิน B3 ภายในซอง มาในรูปแบบผง 1 ซอง เพียง 60 แคลอรี่ ไม่มีน้ำตาล ไขมัน โซเดียม และคลอเรสเตอคอล

เพราะมี คอลลาเจน 3x คอมเพล็กซ์ + กลูต้า + ซากุระ + วิตามินซี + วิตามิน อี + วิตามิน บี3 + สารสกัดจากข้าว +เห็ดหูหนูขาว + Rose Hips + อื่นๆ