BE YOU, BE THE SUPER YOU
เป็นคุณในแบบที่ดีที่สุด
7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย ที่ทำให้คุณไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่หวัง

“ออกกำลังกายทุกวันแต่หุ่นไม่เปลี่ยน” / “วิ่งจนเหงื่อท่วมแต่ยังรู้สึกอ้วนอยู่ดี” คุณกำลังเจอปัญหาเหล่านี้อยู่หรือเปล่า? หากคำตอบคือใช่ บางทีต้นเหตุอาจไม่ใช่เรื่องความขยันหรือวินัยในการออกกำลังกาย แต่คือ “ความเชื่อผิด ๆ” ที่คุณเข้าใจผิดมาตลอด
ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย ที่อาจกำลังขัดขวางไม่ให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ พร้อมอธิบายอย่างเข้าใจง่าย และปิดท้ายด้วยเคล็ดลับเสริมโปรตีนให้เหมาะกับคนออกกำลังกาย เพื่อฟื้นตัวเร็วและเห็นผลไวขึ้น
7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย
1.ออกกำลังกายทุกวัน = ดีกว่า?
ฟังดูเหมือนจริง แต่ในความเป็นจริง กล้ามเนื้อของคนเราต้องการเวลาฟื้นฟูและซ่อมแซม หากคุณออกกำลังกายหนักทุกวันโดยไม่มีวันพัก อาจเสี่ยงโอเวอร์เทรน(Overtraining) ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อ่อนเพลีย กล้ามไม่ขึ้น และเสี่ยงบาดเจ็บ
ควรให้ร่างกายได้พักบ้าง โดยเฉพาะหลังวันเล่นเวทหรือออกกำลังหนัก วันพักไม่ได้แปลว่าไม่ขยับตัวเลย แต่อาจเปลี่ยนเป็นกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินเล่นหรือยืดเหยียดเบา ๆ
2.ต้องเหงื่อท่วมเท่านั้นถึงจะเบิร์นไขมัน
การเหงื่อออกมากไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าร่างกายกำลังเผาผลาญไขมัน เพราะเหงื่อคือกลไกของร่างกายในการระบายความร้อน บางคนเหงื่อออกง่าย บางคนออกน้อย ไม่ได้แปลว่าคนที่เหงื่อเยอะจะเผาผลาญได้มากกว่า
ในการออกกำลังกาย ให้โฟกัสที่ “อัตราการเต้นของหัวใจ” และความต่อเนื่องของการออกแรง มากกว่าจะสนใจแค่เหงื่อ
3.ซิทอัพทุกวันจะช่วยลดพุง
ซิทอัพช่วยให้กล้ามหน้าท้องแข็งแรงขึ้น แต่ไม่สามารถลดไขมันเฉพาะส่วนได้ การจะลดพุงได้จริง ต้องรวมทั้งการควบคุมอาหาร คาร์ดิโอ และการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น
ให้ฝึกเวทเทรนนิ่งสลับกับคาร์ดิโอ และเน้นรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงเพื่อรักษากล้ามเนื้อ
4.งดดื่มน้ำเพื่อฝึกความทนทาน
เป็นเรื่องที่อันตรายมาก การฝึกโดยไม่ดื่มน้ำอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ หัวใจทำงานหนัก วิงเวียน และล้าเร็วขึ้น การดื่มน้ำระหว่างออกกำลังกายไม่ทำให้อ่อนแอลง แต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวไวขึ้น
ควรจิบน้ำเล็กน้อยทุก 10-15 นาทีระหว่างออกกำลังกาย โดยเฉพาะถ้าเหงื่อออกมาก
5.ยิ่งเจ็บยิ่งต้องออกกำลังกายส่วนนั้นซ้ำ
เจ็บกับเมื่อยไม่เหมือนกัน ถ้าเจ็บลึก ๆ แปลว่าอาจมีการอักเสบหรือบาดเจ็บ การฝืนออกซ้ำจะยิ่งทำให้แย่ลง กล้ามเนื้อจำเป็นต้องได้พักและได้รับโปรตีนเพื่อฟื้นตัว
ควรหยุดพักเมื่อมีอาการเจ็บเกิน 2 วัน และเปลี่ยนไปออกกำลังกายส่วนอื่นแทน
6.อยากลดไขมัน ลดน้ำหนัก ต้องคาร์ดิโอเท่านั้น
คาร์ดิโอช่วยเผาผลาญพลังงานขณะออกกำลังกายก็จริง แต่เวทเทรนนิ่งมีข้อดีคือช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่ง จะเพิ่มระบบเผาผลาญพลังงานแม้ในเวลาพัก ดังนั้นหากต้องการลดไขมันให้ได้ผล ควรทำทั้งสองแบบควบคู่กัน
ควรจัดตารางการออกกำลังกายแบบเวท 2-3 วัน/สัปดาห์ และคาร์ดิโอ 2-3 วัน/สัปดาห์
7.การอดอาหารจะช่วยให้ลดน้ำหนักได้
การอดอาหารโดยเฉพาะในมื้อหลัก จะทำให้ร่างกายเผาผลาญช้าลง หิวบ่อยขึ้น และอาจส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อ เมื่อมวลกล้ามลดลง ระบบเผาผลาญก็แย่ลงตามไปด้วย
การลดแคลอรีอย่างสมดุล ไม่จำเป็นต้องงด แต่ให้เลือกอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีนสูงเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ
โปรตีนสำคัญกับการออกกำลังกายมากกว่าที่คิด
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากร่างกายไม่ได้รับ “วัตถุดิบหลัก” อย่างโปรตีนในการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ
- ทำไม “โปรตีน” ถึงสำคัญต่อการออกกำลังกาย?
เมื่อเราออกกำลังกาย โดยเฉพาะการฝึกเวทเทรนนิ่งหรือเล่นกล้าม กล้ามเนื้อจะเกิดการฉีกขาดเล็ก ๆ จากการเวทเทรนนิ่งหรือเล่นกล้าม ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่กลับเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นในระยะยาว
สิ่งที่ร่างกายต้องใช้ในกระบวนการฟื้นฟูและเสริมสร้างกล้ามเนื้อคือ “กรดอะมิโนจำเป็น” ซึ่งได้จากโปรตีนที่เรารับประทานเข้าไป
ถ้าไม่มีโปรตีน = ร่างกายไม่มีวัสดุสำหรับการซ่อมแซม
และผลที่ตามมาคือ รู้สึกล้า ฟื้นตัวช้า กล้ามไม่ขึ้น หรือแย่กว่านั้นคือร่างกายดึงกล้ามเนื้อเดิมไปใช้เป็นพลังงานแทนไขมัน
- ช่วงเวลาในการกินโปรตีนมีผล
แม้จะกินโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ แต่หากจังหวะเวลาไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพในการฟื้นตัวและสร้างกล้ามลดลง
- ช่วงทอง (Anabolic Window) ภายใน 30-60 นาทีหลังออกกำลังกาย ร่างกายจะดูดซึมโปรตีนได้ดีเป็นพิเศษ
- การแบ่งกินระหว่างวัน การกินโปรตีนกระจายตลอดวันจะช่วยให้ร่างกายมีกรดอะมิโนพร้อมใช้ตลอดเวลา ป้องกันการสลายกล้ามเนื้อ
สามารถพกโปรตีนเสริมไว้ในการรับประทานระหว่างวัน โดยเฉพาะโปรตีนใสจากพืช สามารถดื่มแทนน้ำหวานได้ในช่วงบ่าย
โปรตีนจากพืช vs โปรตีนเวย์: เลือกแบบไหนดี?
ในอดีต เวย์โปรตีนถือเป็นตัวเลือกหลักของคนออกกำลังกาย แต่ปัจจุบันโปรตีนพืช ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะนอกจากให้โปรตีนสูง ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่เหมาะกับคนหลากหลายกลุ่ม เช่น ผู้แพ้นม แพ้แลคโตส หรือสายคลีนที่ไม่อยากรับโปรตีนจากสัตว์
ประเด็น | เวย์โปรตีน (นม) | โปรตีนจากพืช |
ที่มา | สกัดจากนมวัว | ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง ข้าวกล้อง ฯลฯ |
ดูดซึมเร็ว | ดูดซึมเร็วมาก | ขึ้นอยู่กับสูตร |
มีกรดอะมิโนครบถ้วน | ครบถ้วน | ครบถ้วนหากผสมพืชหลายชนิด |
เหมาะกับคนแพ้นม/แพ้แลคโตส | ไม่เหมาะ | เหมาะ |
แน่นท้อง ท้องอืดง่าย | อาจมีอาการ | ไม่ค่อยเกิด |
เหมาะกับสายคลีน/วีแกน | เหมาะ | เหมาะมากกว่า |
สำหรับใครที่อยากได้โปรตีนที่ย่อยง่าย ไม่แน่นท้อง โปรตีนพืชแบบใส (Plant Clear Protein) คือคำตอบที่ลงตัวทั้งเรื่องคุณภาพและไลฟ์สไตล์ เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการดูแลสุขภาพหรือเสริมกล้ามแบบยั่งยืน
- กินโปรตีนน้อยไป = กล้ามไม่ขึ้น เหนื่อยง่าย
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย หลายคนรู้สึกว่าทำไมออกกำลังกายแล้วรู้สึกล้า กล้ามไม่ขึ้น หรือแม้แต่ผิวแห้ง ผมร่วง ทั้งที่ดูแลตัวเองอย่างดี คำตอบอาจอยู่ที่ “การได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ”
อาการที่พบบ่อยหากกินโปรตีนน้อยเกินไป
- ฟื้นตัวช้าหลังออกกำลังกาย
- ไม่มีแรงออกกำลังกายต่อเนื่อง
- กล้ามเนื้อไม่พัฒนา
- รู้สึกหิวบ่อย แม้เพิ่งกินอาหาร
- จะกินโปรตีนให้พอ ต้องวางแผนยังไง?
เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนเพียงพอสำหรับออกกำลังกายและฟื้นฟู ต้องคำนวณให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวและกิจกรรมที่ทำ
ปริมาณโปรตีนแนะนำต่อวัน (โดยประมาณ):
โปรตีนที่ควรได้รับ ตามระดับกิจกรรม
- ไม่ออกกำลังกาย 0.8 – 1.0 กรัม (กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก.)
- ออกกำลังกายเบา ๆ 1.2 – 1.5 กรัม (กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก.)
- เล่นเวท สร้างกล้าม 1.6 – 2.2 กรัม (กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก.)
วิธีวางแผนให้ได้โปรตีนครบในแต่ละวัน:
- แบ่งโปรตีนจากอาหารหลัก เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ เต้าหู้
- เสริมด้วย Plant Clear Protein จาก Super You ในช่วงเช้า หรือหลังออกกำลังกาย
- กระจายโปรตีนให้ครบใน 3-4 มื้อ จะดูดซึมได้ดีกว่ากินเยอะในมื้อเดียว
Super You โปรตีนใส
เป็นโปรตีนใสจากพืช 9 ชนิด ถั่วลันเตา เคล บรอกโคลี เชอร์รี่ทาร์ต ขมิ้นชัน เมล็ดกาแฟไม่คั่ว ชาเขียว บีทรูต และบลูเบอร์รี่ ที่สกัดด้วยกรรมวิธีไฮโดรไลเสต ทำให้สามารถกรองโปรตีนได้ละเอียดกว่า ช่วยลดปัญหาสำหรับคนที่ระบบย่อยอาหารไม่ค่อยดี แพ้นม แพ้แลคโตส แพ้กลูเตน แพ้ถั่วเหลืองหรือแพ้ไข่ เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ ดูแลหุ่น คนที่ดื่มโปรตีนแบบขุ่นไม่ได้ คนที่เบื่ออาหารและคนที่ชอบน้ำหวาน แต่ไม่อยากเสียสุขภาพ
1 ซอง มีโปรตีนสูงถึง 23 กรัม แคลลอรี่ต่ำเพียง 120 แคลลอรี่ ไม่มีน้ำตาล ไขมัน และคอเลสเตอรอล
มี Probiotics 5,000 ล้านตัว ช่วยให้การย่อยโปรตีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว
ไม่มีนมถั่วเหลือง ไม่มีนมวัว ไม่มีแลคโตส ไม่กระตุ้นอินซูลิน (ผู้ป่วยเบาหวานสามารถทานได้) ปราศจากสารก่อภูมิแพ้
Super You ซูเปอร์ เคลียร์ โปรตีน มีทั้งหมด 8 รสชาติ
- Jelly Muscat (เจลลี่ มัสแคท) – องุ่นเขียวเนื้อเจลลี่พันธุ์พิเศษ จากประเทศญี่ปุ่น
- Berry Booste (เบอร์รี่ บูสตี้) – เบอร์รี่นานาชนิด จากประเทศฝรั่งเศส
- Lemone Tea (เลมอน เน่ ที) – ชามะนาวแท้ๆ หอม และรสชาติกลมกล่อม
- O-Liang (โอเลี้ยง) – เข้มข้นถึงรสโอเลี้ยงแท้ ๆ (มีคาเฟอีน = กาแฟ 1 ช็อต)
- Yellow Herbal Flower (เก๊กฮวย หล่อฮังก๊วย) – หอม สดชื่น แก้ร้อนใน
- Red Sala Cider (น้ำแดง) – กลิ่นหอม หวานน้อย ชื่นใจ
- Cocoa (โกโก้) – นำเข้าจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เข้มข้น หวานน้อย
- Plum (บ๊วย) – สดชื่น ชุ่มคอ เปรี้ยว เค็ม หวาน ครบรส