Shopping Cart

ไม่มีสินค้าในตะกร้า

ทำไมคนท้องผูกควรกินโพรไบโอติกส์? เข้าใจง่ายใน 3 นาที

“ท้องผูก” เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่หลายคนมองว่าเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้นาน อาจกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว ผิวพรรณหมองคล้ำ ไปจนถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคในระบบทางเดินอาหาร และหนึ่งในทางออกคือการเติม “โพรไบโอติกส์” แบคทีเรียดีที่อยู่ในลำไส้ของเรา ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในการช่วยดูแลระบบขับถ่าย

หากกำลังสงสัยว่า “ท้องผูกควรกินโพรไบโอติกส์” จริงหรือ? บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงวิธีเลือกและกินโพรไบโอติกส์ให้ได้ผลจริงในเวลาไม่เกิน 3 นาที

โพรไบโอติกส์คืออะไร?

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) คือ จุลินทรีย์มีชีวิตที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับระบบทางเดินอาหารและลำไส้ โพรไบโอติกส์มักจะถูกเรียกง่าย ๆ ว่า “แบคทีเรียดี” ซึ่งมีบทบาทในการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยย่อยอาหารบางประเภท ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อโรค และสร้างสารที่มีประโยชน์ เช่น กรดแลคติกและวิตามินบางชนิด

ร่างกายของเรามีจุลินทรีย์นับล้านล้านตัวอาศัยอยู่ โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ การที่มีโพรไบโอติกส์ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น เช่น ช่วยดูดซึมสารอาหาร ลดอาการอักเสบ และช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ

นอกจากนี้ โพรไบโอติกส์ยังมีความสำคัญกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะลำไส้เป็นแหล่งรวมของเซลล์ภูมิคุ้มกันถึงประมาณ 70% หากลำไส้แข็งแรง ภูมิคุ้มกันก็จะแข็งแรงตามไปด้วย

ประโยชน์ของ โพรไบโอติกส์

โพรไบโอติกส์มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลากหลายด้าน และเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดูแลลำไส้ให้สมดุล โดยประโยชน์เด่น ๆ ได้แก่

  1. ปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้

ในลำไส้ของเรามีทั้งแบคทีเรียดีและไม่ดีอยู่ร่วมกัน เมื่อแบคทีเรียไม่ดีเพิ่มขึ้น เช่น จากการกินอาหารไม่เหมาะสม หรือใช้ยาปฏิชีวนะ ระบบลำไส้จะเสียสมดุล โพรไบโอติกส์ช่วยเติมแบคทีเรียดีและยับยั้งการเพิ่มของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย

  1. ส่งเสริมระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ

การมีจุลินทรีย์ดีในลำไส้มากพอ จะช่วยให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ (motility) ทำงานได้ตามปกติ ลดปัญหาท้องผูก หรือท้องเสียเรื้อรัง

  1. กระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย

จุลินทรีย์ดีในลำไส้มีบทบาทต่อการฝึกระบบภูมิคุ้มกันให้แยกแยะเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

  1. ลดการอักเสบในลำไส้

โพรไบโอติกส์บางสายพันธุ์มีฤทธิ์ลดการอักเสบ และลดโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น ลำไส้อักเสบ (IBD), โรคภูมิแพ้บางประเภท

  1. สนับสนุนสุขภาพจิต

งานวิจัยใหม่ ๆ พบว่าลำไส้มีผลต่อสมองผ่าน “gut-brain axis” โพรไบโอติกส์อาจช่วยลดอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า และทำให้อารมณ์ดีขึ้น

ท้องผูกควรกินโพรไบโอติกส์ เพราะปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ในลำไส้ของเรามีทั้งแบคทีเรียดีและไม่ดีอยู่ร่วมกัน เมื่อแบคทีเรียไม่ดีเพิ่มขึ้น เช่น จากการกินอาหารไม่เหมาะสม หรือใช้ยาปฏิชีวนะ ระบบลำไส้จะเสียสมดุล โพรไบโอติกส์ช่วยเติมแบคทีเรียดีและยับยั้งการเพิ่มของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย

เหตุผลที่ท้องผูกควรกินโพรไบโอติกส์

อาการท้องผูกไม่ได้เกิดจากการกินน้ำน้อยหรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อยเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก “ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้” ได้ด้วย ซึ่งโพรไบโอติกส์สามารถช่วยแก้ได้หลายทาง

  • ฟื้นฟูสมดุลลำไส้

การมีแบคทีเรียดีในปริมาณเหมาะสมช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ตามธรรมชาติ ไม่ช้าหรือช้าจนเกินไป และลดการก่อตัวของสารพิษในลำไส้ที่อาจยับยั้งการขับถ่าย

  • กระตุ้นการผลิตกรดไขมันสายสั้น (Short-chain fatty acids หรือ SCFAs)

SCFAs เช่น บิวไทเรต จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอุจจาระ ลดความแข็ง และทำให้อุจจาระเคลื่อนตัวได้ง่ายขึ้น

  • ช่วยเพิ่มมวลอุจจาระ

จุลินทรีย์ดีสามารถเปลี่ยนใยอาหารที่เรากินเข้าไปให้กลายเป็นมวลอุจจาระที่เคลื่อนไหวง่าย

  • ลดแก๊สและอาการบวมในท้อง

โพรไบโอติกส์ช่วยควบคุมการหมักในลำไส้ จึงลดการเกิดแก๊สที่เป็นสาเหตุของอาการแน่น อืด และบวมในช่องท้อง

  • ปรับจังหวะการขับถ่ายให้สม่ำเสมอ

การกินโพรไบโอติกส์สม่ำเสมออาจช่วยให้ขับถ่ายได้ทุกวันในช่วงเวลาเดิม เป็นสัญญาณของระบบขับถ่ายที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไหนเหมาะสำหรับแก้ท้องผูก?

โพรไบโอติกส์มีหลายสายพันธุ์ แต่มีบางสายพันธุ์ที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่าเหมาะสำหรับช่วยเรื่องท้องผูกโดยเฉพาะ 

  • Saccharomyces boulardii: เป็นยีสต์ชนิดหนึ่งที่ช่วยลดอาการท้องเสียจากการใช้ยาปฏิชีวนะ 
  • B. Lactis B420 – ช่วยควบคุมการดูดซึมไขมัน และมีผลต่อการควบคุมน้ำหนัก
  • Bifidobacterium – เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยดูดซึมวิตามิน
  • Streptococcus thermophilus: ช่วยย่อยแลคโตสในนม เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว
  • L. Rhamnosus HN001 – สนับสนุนสุขภาพจิตและลดความเครียด /
  • L. Acidophilus NCFM – สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยบรรเทาอาการไม่สบายท้องจากนม
ท้องผูกควรกินโพรไบโอติกส์ รับประทานจากอาหารหมักที่มีจุลินทรีย์ธรรมชาติ อาหารหมักที่ผ่านกระบวนการหมักแบบธรรมชาติ (โดยไม่ผ่านความร้อน) จะยังคงมีโพรไบโอติกส์อยู่ เช่น โยเกิร์ตสดชนิดไม่เติมน้ำตาล กิมจิ นัตโตะ

วิธีรับประทานโพรไบโอติกส์เพื่อแก้ท้องผูก

หากต้องการใช้โพรไบโอติกส์เพื่อช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น ควรเลือกวิธีรับประทานที่เหมาะสมและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวทางดังนี้

  • รับประทานจากอาหารหมักที่มีจุลินทรีย์ธรรมชาติ

อาหารหมักที่ผ่านกระบวนการหมักแบบธรรมชาติ (โดยไม่ผ่านความร้อน) จะยังคงมีโพรไบโอติกส์อยู่ เช่น โยเกิร์ตสดชนิดไม่เติมน้ำตาล กิมจิ นัตโตะ (ถั่วหมักญี่ปุ่น) มิโสะคีเฟอร์ (นมเปรี้ยวหมัก)

ข้อดีของวิธีนี้คือ ได้รับจุลินทรีย์ธรรมชาติพร้อมสารอาหาร แต่ปริมาณโพรไบโอติกส์ ในอาหารอาจจะมีปริมาณที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาวะของอาหารนั้น ๆ 

  • รับประทานในรูปแบบอาหารเสริม

หากคุณต้องการควบคุมปริมาณให้แน่นอน หรือไม่สะดวกกินอาหารหมักทุกวัน อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยมีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น เม็ดแคปซูล ผงชงดื่ม 

แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อสายพันธุ์ที่ชัดเจน เช่น Bifidobacterium lactis HN019 รวมทั้งมี CFU (จำนวนจุลินทรีย์) อย่างน้อย 5-10 พันล้าน CFU ต่อหน่วยบริโภค และผ่านการทดสอบความคงตัวของจุลินทรีย์ในกระเพาะ

ควรกินโปรไบโอติกส์อย่างไรให้ได้ผล?

1. กินอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

โพรไบโอติกส์จะอยู่ในลำไส้ได้ไม่นาน ถ้าหยุดกิน แบคทีเรียจะค่อย ๆ หายไป การกินต่อเนื่องวันละ 1-2 ครั้งเป็นวิธีที่ดีที่สุด

2. กินตอนท้องว่าง

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ ก่อนอาหารเช้าหรือก่อนนอน เพราะกรดในกระเพาะอาหารมีน้อย จึงช่วยให้โพรไบโอติกส์เดินทางไปถึงลำไส้ได้มากขึ้น

3. เลือกสายพันธุ์ให้เหมาะสม

สายพันธุ์ที่วิจัยแล้วว่าช่วยเรื่องท้องผูกโดยเฉพาะ เช่น

  • Bifidobacterium lactis HN019
  • Lactobacillus casei Shirota
  • Bifidobacterium longum BB536

เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุสายพันธุ์ชัดเจน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเห็นผล

4. กินร่วมกับอาหารที่มีพรีไบโอติกส์ (ใยอาหาร)

พรีไบโอติกส์เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์ พบได้ในผัก ผลไม้ เช่น กล้วย ข้าวโอ๊ต หัวหอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง ถ้ากินควบคู่กันจะช่วยให้จุลินทรีย์ดีเจริญเติบโตได้ดีขึ้น

5. ดื่มน้ำให้มากพอ

ระบบขับถ่ายต้องการน้ำเพื่อให้อุจจาระนิ่มและเคลื่อนตัวได้ง่าย ควรดื่มน้ำวันละ 2-2.5 ลิตรควบคู่กับการกินโพรไบโอติกส์

อาหารที่มีโพรไบโอติกสูงส์ ที่เราแนะนำ

ถ้าคุณอยากได้โพรไบโอติกส์จากอาหารธรรมชาติ สามารถทานได้จากอาหารหลาย ๆ อย่างที่หาทานได้ง่ายในชีวิตประจำวัน

  • โยเกิร์ตธรรมชาติ (ไม่เติมน้ำตาล)
  • นมเปรี้ยว หรือ คีเฟอร์ (Kefir)
  • กิมจิ ผักหมักแบบเกาหลี
  • มิโสะ ซุปหมักจากถั่วเหลืองของญี่ปุ่น
  • เทมเป้ ถั่วเหลืองหมักแบบอินโดนีเซีย
  • ผักดองธรรมชาติ (แบบไม่ใส่น้ำส้มสายชู)

Super You probiotics

ซูเปอร์ เคลียร์ โปรไบโอโพรไบโอติกส์รูปแบบผง เก็บได้ในอุณหภูมิห้อง สามารถฉีกซองและรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมน้ำแล้วดื่มน้ำอุณหภูมิห้องตาม ช่วยปรับสมดุลลำไส้และระบบทางเดินอาหาร มาพร้อมโพรไบโอติกส์ 7 สายพันธุ์วิจัย 100,000 ล้าน CFU ต่อซอง และพรีไบโอติกส์ 3 สายพันธุ์วิจัย โดยจุลินทรีย์นำเข้าจากประเทศอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น ไม่มีส่วนผสมของนม น้ำตาลและไขมัน รสลิ้นจี่ ม็อกเทล รับประทานง่าย อร่อย

ซูเปอร์ เคลียร์ โปรไบโอ พลัส 3เอ็กซ์อาหารเสริมสำหรับผู้มีปัญหาขับถ่ายยาก สายแข็ง ภูมิคุ้มกันตก เป็นโพรไบโอติกส์รูปแบบผง เก็บได้ในอุณหภูมิห้อง สามารถฉีกซองและรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมน้ำ แล้วดื่มน้ำตาม มาพร้อมโพรไบโอติกส์ 7 สายพันธุ์วิจัย 100,000 ล้าน CFU ต่อซอง พรีไบโอติกส์ 3 สายพันธุ์วิจัย และโพสไบโอติกส์ 3 สายพันธุ์วิจัย โดยจุลินทรีย์นำเข้าจากประเทศอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และเดนมาร์ก ไม่มีส่วนผสมของนม น้ำตาลและไขมัน รสส้มเหมือนวิตามินซี รับประทานง่าย อร่อย