7 ประโยชน์ของ Probiotics ที่ดีต่อร่างกายมากกว่าที่คิด

เวลาพูดถึง “จุลินทรีย์” หลายคนอาจนึกถึงสิ่งที่ก่อให้เกิดโรค แต่จริง ๆ แล้วร่างกายของเรามีจุลินทรีย์อยู่มากมายหลายชนิด และมีทั้งแบบที่ดีและไม่ดีอาศัยอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะในลำไส้ ที่ถูกเรียกกันว่าเป็น “สมองที่สองของร่างกาย” เพราะมีบทบาทต่อทั้งระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน และแม้แต่สุขภาพจิตใจ

Probiotics หรือ “จุลินทรีย์ชนิดดี” จึงมีความสำคัญมาก เพราะ ประโยชน์ของ Probiotics ช่วยสร้างสมดุลในระบบลำไส้ ทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติและลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ได้มากกว่าที่หลายคนคิด

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) คืออะไร?

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) คือจุลินทรีย์มีชีวิต ที่เมื่อเราบริโภคเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสม ประโยชน์ของ Probiotics จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร 

ในร่างกายมนุษย์มีจุลินทรีย์อาศัยอยู่มากกว่า 100 ล้านล้านตัว และเกือบ 70% อยู่ที่ “ลำไส้ใหญ่” ถ้าจุลินทรีย์ดีมีมากกว่าจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี ร่างกายก็จะย่อยอาหารได้ดี ภูมิคุ้มกันแข็งแรง และลดการอักเสบในร่างกาย แต่ถ้า “จุลินทรีย์ชนิดไม่ดี” มีมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาท้องอืด ท้องเสีย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือแม้แต่เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังบางชนิด

ประโยชน์ของ Probiotics คือจุลินทรีย์มีชีวิต ที่เมื่อเราบริโภคเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) มีแบบไหนบ้าง

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) มีหลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็ทำงานไม่เหมือนกัน การเลือกให้ตรงกับความต้องการที่จะดูแลร่างกายจึงสำคัญ เช่น

  • Lactobacillus – ช่วยย่อยแลคโตส ลดอาการท้องเสีย และเสริมภูมิคุ้มกัน
  • Bifidobacterium – ดีต่อผู้ที่มีปัญหาลำไส้แปรปรวน ท้องผูกเรื้อรัง
  • Saccharomyces boulardii – เป็นยีสต์ที่ช่วยฟื้นฟูระบบลำไส้หลังท้องเสียหรือหลังใช้ยาปฏิชีวนะ
  • Streptococcus thermophilus – ช่วยย่อยแลคโตสและช่วยให้ร่างกายทนต่อผลิตภัณฑ์นมได้ดีขึ้น

ดังนั้น เวลาเลือก โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสายพันธุ์ที่สามารถแก้ปัญหา หรือช่วยในเรื่องที่ต้องการดูแลร่างกายให้ตรงจุด ควรอ่านฉลากหรือคำแนะนำจากผู้ผลิต

7 ประโยชน์ของ Probiotics

1. ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้

ในลำไส้มีทั้ง “จุลินทรีย์ดี” และ “จุลินทรีย์ไม่ดี” แข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา หากจุลินทรีย์ไม่ดีมีมากเกินไป จะเกิดปัญหาการย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การรับประทานโพรไบโอติกส์ (Probiotics) จะช่วยเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ดี ทำให้สมดุลในลำไส้กลับมาปกติ

2. เสริมการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร

ประโยชน์ของ Probiotics มีส่วนช่วยย่อยใยอาหารและแลคโตส ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี แคลเซียม ธาตุเหล็ก ได้ดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่มักมีอาการท้องอืดหรือย่อยยาก

3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ลำไส้ถือเป็นหนึ่งใน “ด่านป้องกันด่านแรก” ของร่างกายต่อเชื้อโรคหรือสารแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายผ่านอาหารและเครื่องดื่มที่เรากินเข้าไปทุกวัน เมื่อเรารับ Probiotics เข้าไป จุลินทรีย์ชนิดดีเหล่านี้จะช่วย กระตุ้นการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน เพิ่มการสร้างแอนติบอดี (Antibody) และ ลดการอักเสบในร่างกาย

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จึงมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันและสารต้านการอักเสบ ทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น

4. ลดอาการท้องผูกและท้องเสีย

ประโยชน์ของ Probiotics ช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวเป็นปกติ เพราะจุลินทรีย์ดีในลำไส้มีบทบาทในการปรับสมดุลจุลินทรีย์ทั้งหมด เมื่อจุลินทรีย์ชนิดดีมีจำนวนเพียงพอ จะส่งผลให้การบีบตัวของลำไส้เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้อุจจาระนุ่มขึ้นและขับถ่ายได้ง่ายขึ้น จึงช่วยลดปัญหาท้องผูกเรื้อรังได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีกิจวัตรนั่งทำงานนาน ๆ ยังลดความเสี่ยงของการท้องเสีย โดยเฉพาะท้องเสียที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ

5. สนับสนุนสุขภาพผิว

เมื่อร่างกายกำจัดของเสียได้ดีขึ้น การอักเสบก็ลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อผิวพรรณ เช่น ลดการเกิดสิว ลดผื่นแดง และทำให้ผิวแลดูสุขภาพดีขึ้นจากภายใน

6. ช่วยควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือด

งานวิจัยบางฉบับพบว่า โพรไบโอติกส์ (Probiotics) มีผลต่อการเก็บสะสมไขมันและการทำงานของอินซูลิน ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2

7. ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและสมอง

ลำไส้และสมองเชื่อมโยงกันผ่านสิ่งที่เรียกว่า “Gut-Brain Axis” โพรไบโอติกส์ (Probiotics) บางชนิดสามารถช่วยลดสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและภาวะซึมเศร้า ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และช่วยให้นอนหลับมีคุณภาพ

ประโยชน์ของ Probiotics การได้รับประทานโพรไบโอติกส์ (Probiotics) จากอาหาร ถือเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ได้เป็นประจำทุกวัน เพราะอาหารหมักดองหรือผลิตภัณฑ์นมบางชนิดมีจุลินทรีย์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่และสามารถเข้าไปเสริมสมดุลลำไส้ได้

อาหารและการเสริม Probiotics

การได้รับประทานโพรไบโอติกส์ (Probiotics) จากอาหาร ถือเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ได้เป็นประจำทุกวัน เพราะอาหารหมักดองหรือผลิตภัณฑ์นมบางชนิดมีจุลินทรีย์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่และสามารถเข้าไปเสริมสมดุลลำไส้ได้

ตัวอย่างอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ (Probiotics) สูง

  • โยเกิร์ต – เป็นแหล่งโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ที่หาซื้อง่าย มีจุลินทรีย์สายพันธุ์ Lactobacillus และ Bifidobacterium ที่ช่วยย่อยอาหารและเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ควรเลือกแบบ ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม จะดีกว่าสำหรับสุขภาพ
  • นมเปรี้ยว – อุดมด้วยจุลินทรีย์ที่ช่วยย่อยแลคโตส เหมาะกับผู้ที่ดื่มนมแล้วท้องอืดง่าย
  • กิมจิ – ผักกาดหมักแบบเกาหลี อุดมไปด้วย Lactobacillus kimchi ที่ช่วยเสริมสมดุลลำไส้ และยังได้ใยอาหารจากผักที่ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ
  • มิโสะ – ผลิตจากการหมักถั่วเหลือง นิยมใช้ทำซุปญี่ปุ่น มีเอนไซม์และ Probiotics ที่ดีต่อการย่อยอาหาร
  • เทมเป้ – ถั่วเหลืองหมักจากอินโดนีเซีย อุดมด้วยโปรตีนสูง พร้อมทั้งมี โพรไบโอติกส์ (Probiotics) ที่ดีต่อระบบย่อยและเหมาะสำหรับผู้ที่ทานอาหารแบบ plant-based
  • คอมบูชา – เครื่องดื่มชาหมัก มีทั้งโพรไบโอติกส์ (Probiotics) และกรดอินทรีย์ที่ช่วยเสริมระบบย่อยอาหารและลดการอักเสบในลำไส้
  • ผักดองแบบหมักธรรมชาติ (เช่น Sauerkraut ของยุโรป) – มีจุลินทรีย์ดีจำนวนมาก แต่ควรเลือกแบบไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ เพราะความร้อนจะทำลาย โพรไบโอติกส์ (Probiotics)
  • หากในชีวิตประจำวันไม่สะดวกทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ (Probiotics) อย่างสม่ำเสมอ หรืออยากได้ปริมาณในการรับประทานที่แน่นอน การเลือก ผลิตภัณฑ์เสริม Probiotics เช่น แคปซูล ผงชงดื่ม หรือแบบเม็ดเคี้ยว ก็เป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสม ข้อดีคือมีการระบุสายพันธุ์และจำนวนจุลินทรีย์ที่ชัดเจน ทำให้ควบคุมปริมาณที่ได้รับได้ง่ายกว่าอาหาร

สิ่งที่ควรพิจารณาเวลาเลือกผลิตภัณฑ์เสริมโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ได้แก่

  1. สายพันธุ์ (Strain) – แต่ละสายพันธุ์มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น บางชนิดเหมาะกับแก้ท้องผูก บางชนิดช่วยลดท้องเสีย
  2. ปริมาณ CFU (Colony Forming Unit) – โดยทั่วไปควรอยู่ที่ 1,000 ล้าน – 10,000 ล้าน CFU ต่อวัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  3. รูปแบบบรรจุ – ควรเลือกแบบที่ป้องกันความร้อนและความชื้นได้ดี เพราะ Probiotics เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไวต่อสิ่งแวดล้อม
  4. การเสริม พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) – บางผลิตภัณฑ์จะมีใยอาหาร (Prebiotics) ผสมมาด้วย ซึ่งเป็นอาหารของโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ช่วยให้จุลินทรีย์ดีเจริญเติบโตได้ดีขึ้น

วิธีกิน โพรไบโอติกส์ (Probiotics) อย่างปลอดภัย

  • โพรไบโอติกส์ (Probiotics) กินตอนไหน

ควรทานตอนท้องว่างหรือตอนเช้าก่อนอาหาร เพราะกรดในกระเพาะอาหารยังไม่สูง ทำให้จุลินทรีย์รอดไปถึงลำไส้ได้มากกว่า

  • ควรกินโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ปริมาณเท่าไหร่

โดยทั่วไปแนะนำในปริมาณประมาณ 1,000 – 10,000 ล้าน CFU ต่อวัน แต่ละสายพันธุ์อาจต้องการปริมาณต่างกัน จึงควรอ่านฉลากหรือคำแนะนำจากผู้ผลิต

  • กินโพรไบโอติกส์ (Probiotics) มากไป ส่งผลอะไรไหม

ถึงแม้โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จะปลอดภัย แต่การทานมากเกินไปอาจทำให้บางคนมีอาการท้องอืดหรือไม่สบายท้องได้ แนะนำให้เริ่มจากปริมาณน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่ม เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองอย่างไร

SuperYou Probiotics

ซูเปอร์ เคลียร์ โปรไบโอ – โพรไบโอติกส์สูตรปราศจากนม 

เคลียร์ทุกปัญหาลำไส้ และระบบทางเดินอาหาร 

  • พร้อมด้วยจุลินทรีย์ลิขสิทธิ์จากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น 100,000 ล้าน CFU ต่อซอง 
  • ทนกรดและทนร้อน เดินทางถึงลำไส้อย่างปลอดภัย ประสิทธิภาพครบถ้วน
  • โพรไบโอติกส์ 7 สายพันธุ์ 

Bifidobacterium Breve B-3/บิฟิโดแบคที่เรียม เบรเว B-3

Lactobacillus Acidophilus NCFM/แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส NCFM

Bifidobacterium Lactis B420/บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส B420

Lactobacillus Paracasei Lpc37/แล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ Lpc37

Lactobacillus Rhamnosus HNO01/แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส HN001

Lactobacillus Reuteri/ แล็กโทบาซิลลัส รียูเทอรี

Lactobacillus Gasseri/ แล็กโทบาซิลลัส แก็สเซอรี

  • พรีไบโอติก 3 สายพันธุ์ 

Fructooligosaccharide Powder/ ผงฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ 

Inulin / อินูลิน

Polydextrose/ โพลีเด็กซ์โตรส

  • ไม่มีส่วนผสมของนม น้ำตาล และไขมัน
  •  รสลิ้นจี่ ม็อกเทล รับประทานง่าย อร่อย

ซูเปอร์ เคลียร์ โปรไบโอ พลัส 3เอ็กซ์ – อาหารเสริมสำหรับผู้มีปัญหาขับถ่ายยาก ภูมิคุ้มกันตก ต้องทานยารักษาโรคเป็นประจำ 

  • โพรไบโอติกส์ 7 สายพันธุ์

Lactobacillus Rhamnosus/ แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส

Bifidobacterium Animalis/ บิฟิโดแบคทีเรียม อะนิมอลิส

Bifidobacterium Lactis/ บีฟิโดแบคที่เรียม แล็กทิส

Lactobacillus Acidophilus/ แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส

Lactobacillus Salivarius/ แล็กโทบาซิลลัส ซาลิวาเรียส

Enterococcusv Faecium/ เอ็นเทอโรค็อคคัส ฟีเซียม

Saccharomyces Cerevisiae Subsp. Boulardii/ แซ็กคาโรไมซีส เซรีวิซิอี สับสปีชีย์บัวลาดิอิ

  • พรีไบโอติก 3 สายพันธุ์

Fructooligosaccharide Powder 95%/ผงฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ 95%

Inulin/อินูลิน

Polydextrose/โพลีเด็กซ์โตรส

  • โพสไบโอติก 3 สายพันธุ์  

Heat-Killed Lactobacillus Paracasei MCC1849/ฮีท-คิว แล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ เอ็มซีซี 1849

Lactic Acid Bacteria Fermented Metabolites Powder/ผงเมทตาบอไลต์ที่ได้จากการหมักของแบคทีเรียกลุ่มแล็กติก

Apple Cider Vinegar Powder/ผงน้ำส้มสายชูหมักจากผลแอปเปิ้ล

  • ไม่มีส่วนผสมของนม น้ำตาล และไขมัน
  • รสส้ม เหมือนกินวิตามินซีตอนเด็กๆรับประทานง่าย

ทั้งสองผลิตภัณฑ์ สามารถฉีกซอง และรับประทานได้ทันที โดยไม่ต้องผสมน้ำ

มีอย. และมีฮาลาล