BE YOU, BE THE SUPER YOU
เป็นคุณในแบบที่ดีที่สุด
Morning Boost สูตรไม่ลับ! เคล็ดลับปลุกตัวเองให้สดชื่นตลอดวัน

หลายคนอาจจะพบว่า ในบางครั้งมักรู้สึกเหนื่อยในตอนเช้ามากกว่าในตอนบ่าย แม้จะนอนหลับเต็มอิ่มมาทั้งคืนแล้วก็ตาม เป็นปัญหาที่พบได้ในหลาย ๆ คน ความรู้สึกเหนื่อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่านอนนานแค่ไหน แต่อยู่ที่การตื่นนอน ว่าตื่นนอนอย่างไร และใช้เวลาในช่วง 30 นาทีแรกของวันยังไง
บทความนี้จะเจาะลึกว่าทำไมตอนเช้าถึงรู้สึกอ่อนล้า แล้วจะสร้าง Morning Boost ที่จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกเบาสบาย สดชื่น และมีพลังตลอดทั้งวันได้อย่างไร และเทรนด์สุขภาพที่มีความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ อย่างอาหารเสริมวิตามินต่างๆ ก็มีส่วนช่วยเติมพลังและสารอาหารในยามเช้าได้เป็นอย่างดี
ทำไมตอนเช้าถึงรู้สึกอ่อนเพลียได้ง่ายกว่าช่วงอื่นของวัน
ความรู้สึกมึนงงและเฉื่อยชาที่เรารู้สึกเมื่อนาฬิกาปลุกดังขึ้น เรียกว่าอาการเฉื่อยชาขณะนอนหลับ ซึ่งเป็นภาวะทางปัญญาชั่วคราวที่เกิดขึ้นขณะที่สมองของคุณเปลี่ยนจากการนอนหลับลึกเป็นตื่นเต็มที่ อาการเฉื่อยชาขณะนอนหลับอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึงมากกว่าหนึ่งชั่วโมง ขึ้นอยู่กับวงจรการนอน ระดับความเครียด และกิจวัตรในตอนเช้าของแต่ละคนซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น
- อาจจะตื่นขึ้นมา ในช่วงหลับลึก โดยเฉพาะเสียงจากนาฬิกาปลุกขัดจังหวะ
- การขาดน้ำในช่วงกลางคืนอาจทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตและการเผาผลาญพลังงานทำงานช้าลง
- การได้รับแสงธรรมชาติไม่เพียงพอจะทำให้นาฬิกาภายในร่างกาย (จังหวะชีวภาพ) สับสน
- คุณภาพการนอนหลับที่ไม่ดีหรือตารางการนอนที่ไม่สม่ำเสมอจะทำให้การไหลเวียนพลังงานตามธรรมชาติอ่อนแอลง
จากอาการที่เกิดขึ้น เราสามารถปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันตอนเช้าให้เหมาะสมได้ โดยการลดอาการเฉื่อยชาขณะนอนหลับ รู้สึกตื่นตัวมากขึ้น และยังช่วยรักษาสุขภาพและสมาธิในระยะยาวได้อีกด้วย
เคล็ดลับปลุกตัวเองให้สดชื่น ที่สาย Healthy แนะนำ
ดื่มน้ำเปล่าทันทีหลังตื่น
ร่างกายของเรา จะขาดน้ำตามธรรมชาติในระหว่างการนอนหลับ เนื่องจากต้องขาดน้ำเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง การดื่มน้ำหนึ่งแก้วในตอนเช้าทันทีจะช่วย เติมน้ำให้เซลล์
ล้างสารพิษ กระตุ้นระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญ และสนับสนุนการทำงานของสมองและหัวใจ วางแก้วหรือขวดน้ำไว้ข้างเตียงนอน เพื่อให้สามารถหยิบน้ำมาดื่มได้ทันทีหลังจากตื่นนอน
ยืดเหยียดร่างกายเบา ๆ 3–5 นาที
ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีสติ การยืดกล้ามเนื้อไม่เพียงแต่ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและส่งสัญญาณไปยังระบบประสาทว่าถึงเวลาเปลี่ยนจากการพักผ่อนเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว
การยืดเหยียดในช่วงเช้าช่วยได้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ท่าทางที่ดีขึ้นตลอดทั้งวัน ความตึงของกล้ามเนื้อและอาการปวดข้อลดลง และสร้างความรู้สึกสงบและควบคุมได้ก่อนจะถึงช่วงเวลาเร่งรีบ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายเต็มรูปแบบ แค่หมุนหัวไหล่ นอนหงายบิดเอวหรือยืดกล้ามเนื้อแบบโยคะเป็นเวลา 3 ถึง 5 นาทีก็ช่วยได้มากแล้ว
ฟังเพลงจังหวะดี ๆ / เดินรับแดดอ่อน ๆ
ทั้งเสียงและแสงแดดล้วนส่งผลต่อจังหวะการทำงานของร่างกายของเรา ซึ่งเป็นนาฬิกาภายในร่างกายที่ควบคุมพลังงาน ความตื่นตัว และรูปแบบการนอนหลับ หากไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ทันที ให้เปิดม่านหรือนั่งใกล้หน้าต่างเพื่อรับแสงธรรมชาติในขณะที่เตรียมตัวในการออกไปข้างนอก
- ดนตรีจังหวะสนุกสนานช่วยกระตุ้นโดพามีน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ช่วยให้รู้สึกมีความสุขและมีพลัง
- แสงแดดจะสั่งให้ร่างกายลดฮอร์โมนเมลาโทนิน (ฮอร์โมนที่ทำให้หลับ) และผลิตเซโรโทนิน ซึ่งจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและมีสมาธิมากขึ้น
- ไม่ต้องดื่มกาแฟทุกเช้าเสมอไป
ถึงแม้คาเฟอีนจะช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจทำให้เกิดการติดคาเฟอีน และมีอาการหมดแรงในช่วงสาย โดยเฉพาะถ้าดื่มกาแฟก่อนดื่มน้ำหรือรับประทานอาหาร หากเราปรับกิจวัติประจำวัน อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องดื่มกาแฟเพื่อให้ตื่นตัวอีกเลย
วิธีอื่นๆ ในการตื่นนอนโดยธรรมชาติได้แก่
- ดื่มชาสมุนไพร เช่น ขิงหรือโสม
- ดื่มชาเขียวหรือมัทฉะ เนื่องจากในชาเขียวหรือมัทฉะมีแอลธีอะนีน (L-theanine) ทำให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิ
- เครื่องดื่มวิตามิน บูสพลังสมอง โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีวิตามินบี
วิตามินบี แต่ละชนิดช่วยในเรื่องอะไร
วิตามินบีมักถูกเรียกว่า “วิตามินพลังงาน” ช่วยเปลี่ยนอาหารที่รับประทานเข้าไป ให้เป็นเชื้อเพลิงที่มีประโยชน์ สนับสนุนการทำงานของสมอง และลดความเหนื่อยล้า เมื่อรับประทานในตอนเช้า วิตามินบีสามารถช่วยให้คุณได้รับพลังงานที่นุ่มนวลและยั่งยืนมากขึ้น เมื่อเทียบกับคาเฟอีนเพียงอย่างเดียว
- วิตามินบี 1 (ไทอามีน) – กระตุ้นการผลิตพลังงาน
ไทอามีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการเปลี่ยนกลูโคสให้เป็นพลังงาน ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ทำให้ไทอามีนเป็นสารอาหารแรกๆ ที่ร่างกายใช้เมื่อเริ่มต้นวันใหม่ การขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้มีพลังงานต่ำ สมองมึนงง และหงุดหงิด
- วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) – รองรับพลังงานระดับเซลล์และการเผาผลาญไขมัน
วิตามินบี 2 มีบทบาทสำคัญในการย่อยไขมันและโปรตีน และแปลงเป็น ATP ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักในเซลล์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินบีอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- วิตามินบี 3 (ไนอาซิน) – ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดีขึ้นและลดอาการอ่อนล้า
ไนอาซินช่วยให้ร่างกายปล่อยพลังงานจากอาหารและสนับสนุนการไหลเวียนของเลือดที่ดี ซึ่งหลายปฏิกิริยาเกี่ยวข้องกับการผลิตและซ่อมแซมพลังงาน
- วิตามินบี 5 (กรดแพนโททีนิก) – จัดการความเครียดและสนับสนุนฮอร์โมน
วิตามินบี 5 เกี่ยวข้องกับการผลิตโคเอนไซม์เอ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเผาผลาญไขมันและสังเคราะห์ฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล วิตามินบี 5 มักถูกเรียกว่า “วิตามินต่อต้านความเครียด”
- วิตามินบี 6 (ไพริดอกซีน) – ช่วยเรื่องอารมณ์ สมาธิ
วิตามินบี 6 ช่วยให้ร่างกายผลิตสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนินและโดปามีน ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ ความตื่นตัว และความจำ นอกจากนี้ยังช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
- วิตามินบี 12 (โคบาลามิน) – สนับสนุนการทำงานของสมองและเม็ดเลือดแดง
วิตามินบี 12 มีความสำคัญต่อสุขภาพของระบบประสาท ความจำ และการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปทั่วร่างกาย หากระดับวิตามินบี 12 ต่ำเกินไป อาจทำให้เกิดอาการอ่อนล้า อารมณ์แปรปรวน และสมองมึนงงได้
ใครเหมาะกับการทานวิตามินบี เคล็ดลับปลุกตัวเองให้สดชื่น เพื่อเริ่มวันใหม่อย่างสดใส
แม้ว่าทุกคนต้องการวิตามินบี เคล็ดลับปลุกตัวเองให้สดชื่น เพื่อบำรุงการทำงานของร่างกายที่จำเป็น แต่คนบางกลุ่มอาจได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการรับประทานวิตามินบี โดยเฉพาะในตอนเช้า เมื่อร่างกายต้อง “ตื่นตัว” เพื่อทำงานในแต่ละวัน
- คนทำงาน นักเรียน นักศึกษาที่ยุ่งตลอดเวลา
หากต้องเริ่มต้นวันใหม่แต่เช้าและต้องการสมาธิที่เฉียบแหลม ความจำที่ดี และพลังงานทางจิตใจที่ยั่งยืน วิตามินบีถือเป็นผู้ช่วยที่ดีในการเริ่มวันใหม่ วิตามิน บี6 และ วิตามิน บี12 เสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและลดความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
ไม่ว่าจะเป็น พนักงานออฟฟิศ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ครู นักศึกษา และใครก็ตามที่ต้องเผชิญกับเวลาทำงานที่ต้องใช้สมาธิหรือการตัดสินใจเป็นเวลานาน
- ผู้ที่ออกกำลังกายในตอนเช้า
ไม่ว่าจะเล่นโยคะ วิ่ง หรือไปยิมก่อนอาหารเช้า กล้ามเนื้อและระบบเผาผลาญก็ต้องการการสนับสนุนจากวิตามิบี วิตามิน บี1, บี2 และ บี5 ช่วยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตและไขมันให้เป็นพลังงานและลดความเหนื่อยล้าหลังการออกกำลังกาย
- ผู้ที่มีอาการอ่อนล้า สมองเบลอ หรืออารมณ์ไม่ดี
อาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง หงุดหงิด และหลงลืม มักเกิดจากระดับวิตามินบีต่ำ โดยเฉพาะหากวิถีชีวิตมีความเครียด หรือมีนิสัยการกินที่ผิดปกติ
Suuper Clear Day
ซูเปอร์ เคลียร์ เดย์ วิตามินครบทั้ง 13 ชนิด ที่จำเป็นในร่างกายในแต่ละวัน
ทั้ง วิตามินบี1, วิตามินเค1, วิตามินเค, วิตามินดี, วิตามินบี12, วิตามินบี3, วิตามินบี6 วิตามินบี2, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินบี5, วิตามินอี
เพียงฉีกซอง ผสมกับน้ำดื่ม ก็จบพร้อมลุยในทุกวัน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสมองตื้อ ไม่รู้สึกสดชื่น ไม่พร้อมทำงานในช่วงเช้า
หายเพลีย สมองตื่น สมองคิดเร็ว พูดเร็ว
- วิตามินและสารสกัดสูงสุด 29 ชนิด
- ครบ วิตามินบี ทุกตัว
- ครบ วิตามินจำเป็นต่อร่างกายและสมอง
- วิตามินบี 6 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
เพิ่มการไหลเวียนเลือด บำรุงระบบประสาท บำรุงสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระ
น้ำตาล 0% ไขมัน 0%
ปลอดภัยด้วยมาตรฐานรับรองจาก อย.
ได้รับเครื่องหมายรับรองฮาลาล
1 กล่อง 10 ซอง
รสชามะนาว ทานง่าย
ชงดื่มทุกเช้า พร้อมลุย
อายุ 12 ปีขึ้นไปทานได้เลย
ด้วยสารสกัดที่ปลอดภัย ดื่มแล้วไม่ใจสั่น
สรุป: เคล็ดลับปลุกตัวเองให้สดชื่น
การสร้างกิจวัตรประจำวันตอนเช้าไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนชีวิตประจำวันทั้งหมด แต่เป็นการสร้างนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ง่ายๆ ที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจสามารถปรับตัวเข้ากับวันใหม่ได้อย่างราบรื่น
ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำทันที ยืดเส้นยืดสายสักสองสามนาที งดดื่มกาแฟเป็นครั้งคราว หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินบี ที่ไม่ได้เป็นแค่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเท่านั้น แต่วิตามินบี ยังเป็นส่วนสำคัญของระบบส่งพลังงานของร่างกาย โดยเฉพาะในการเริ่มวันใหม่ ไม่ว่าจะมีงานด่วน ติวหนังสือ ต้องใช้สมาธิและโฟกัสตั้งแต่เช้า การเพิ่มวิตามินบีให้กับกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ง่ายดายแต่ทรงพลังเพื่อให้มีสมาธิ อารมณ์ดีขึ้น และมีพลังมากขึ้น