Shopping Cart

ไม่มีสินค้าในตะกร้า

หน้าร้อนยิ่งต้องดูแลลำไส้! รวมอาหารและโพรไบโอติกส์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

อาหารและโพรไบโอติกส์ที่ช่วยดูแลระบบย่อยอาหาร

เมื่ออุณหภูมิในฤดูร้อนสูงขึ้น ร่างกายมักโหยหาความสดชื่น และเครื่องดื่มเย็นๆ กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าเย็นชื่นใจ น้ำผลไม้ หรือชาเย็นต่างๆ ก็ช่วยเติมความสดชื่นให้ร่างกาย แต่รู้ไหมว่า หน้าร้อนก็เป็นช่วงที่ระบบย่อยอาหารของเราทำงานหนักกว่าปกติ อุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจทำให้ร่างกายเสียน้ำและแร่ธาตุมากขึ้น เสี่ยงต่อการ เสียสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งส่งผลให้ย่อยอาหารไม่ดี ท้องอืด หรือแม้แต่ภูมิคุ้มกันลดลง 

วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการดูแลลำไส้ ในช่วงฤดูกาลนี้คือการใช้โพรไบโอติกส์และทานอาหารที่เหมาะกับการย่อยอาหาร

โพรไบโอติกส์ คืออะไร?

โพรไบโอติกส์เป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิต (ส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรียและยีสต์บางชนิด) ซึ่งเมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะต่อระบบย่อยอาหาร โพรไบโอติกส์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของลำไส้ของคุณ “แบคทีเรียที่ดี” เหล่านี้ช่วยรักษาสมดุลในไมโครไบโอมหรือกลุ่มจุลินทรีย์ของลำไส้ ซึ่งเป็นระบบจุลินทรีย์ที่ซับซ้อนที่ส่งผลต่อทุกอย่างตั้งแต่การย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันไปจนถึงอารมณ์และการเผาผลาญและโพรไบโอติกส์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

ลำไส้มีแบคทีเรียนับล้านล้านตัว ทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี เมื่อสมดุลนี้ถูกทำลาย อาจเกิดได้จากทั้งความเครียด การเจ็บป่วย ยาปฏิชีวนะ หรือการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ทำให้ประสบปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร 

โพรไบโอติกส์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นโพรไบโอติกส์บางชนิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถพบได้ทั่วไปจากอาหารในชีวิตประจำวัน อาหารเหล่านี้มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ที่สามารถอยู่รอดจากการย่อยอาหารและอยู่ในลำไส้ของเราได้

โพรไบโอติกส์มีแบบไหนบ้าง?

  • โพรไบโอติกส์แบบธรรมชาติ

โพรไบโอติกส์บางชนิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถพบได้ทั่วไปจากอาหารในชีวิตประจำวัน อาหารเหล่านี้มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ที่สามารถอยู่รอดจากการย่อยอาหารและอยู่ในลำไส้ของเราได้ เช่น 

โยเกิร์ต: เลือกแบบรสธรรมชาติ ไม่เติมน้ำตาล โดยมีคำว่า “จุลินทรีย์ที่มีชีวิต” อยู่บนฉลาก

คีเฟอร์: เครื่องดื่มนมหมัก ที่มีแบคทีเรียโพรไบโอติกส์หลากหลายสายพันธุ์

กิมจิและซาวเคราต์: ผักดอง ที่อุดมไปด้วยแบคทีเรียกรดแลคติก

มิโซะและเทมเป้: ผลิตภัณฑ์หมักจากถั่วเหลืองซึ่งมีประโยชน์ทั้งต่อจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์และโปรตีน

คอมบูชา: ชาหมักที่มีฟองและมีโพรไบโอติกส์และสารต้านอนุมูลอิสระ

ผักดอง (ในน้ำเกลือ): เฉพาะผักดองที่หมักตามธรรมชาติเท่านั้น (ไม่ดองด้วยน้ำส้มสายชู) ที่ให้ประโยชน์ต่อจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์

  • โพรไบโอติกส์แบบอาหารเสริม

อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ เหมาะอย่างยิ่งหากคุณไม่ได้รับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์สูงเพียงพอ อาหารเสริมโพรไบโอติกส์เหล่านี้ มีสายพันธุ์เฉพาะ (เช่น Lactobacillus rhamnosus, Bifidobacterium longum หรือ Saccharomyces boulardii) ที่มุ่งเป้าไปที่ความต้องการด้านสุขภาพที่แตกต่างกัน

ประโยชน์ของอาหารเสริมโพรไบโอติกส์:

  1. ดูแลสุขภาพได้ตรงเป้าหมาย ประโยชน์สำคัญที่สุดประการหนึ่งของอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ คือมักมีสายพันธุ์โพรไบโอติกส์เฉพาะที่ได้รับการคัดเลือกมาเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพเฉพาะบุคคล ซึ่งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  2. ได้รับปริมาณที่สม่ำเสมอ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะให้ปริมาณโพรไบโอติกส์ ที่วัดได้ ซึ่งมักระบุเป็น CFU เพื่อให้ทราบได้อย่างชัดเจนว่า ปริมาณที่ได้รับเป็นเท่าใด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการปริมาณโพรไบโอติกส์ที่สูงขึ้นด้วยเหตุผลทางการแพทย์หรือหลังจากการเจ็บป่วย
  3. ความสะดวกสบายในการพกพา พกพาสะดวก (แคปซูล ผง หรือแบบเคี้ยว)

รับประทานได้รวดเร็ว ไม่ต้องเตรียมล่วงหน้า เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบหรือเมื่อต้องเดินทาง อีกทั้งส่วนใหญ่มักจะสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิห้อง

  1. สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสชาติของอาหารหมักดอง หรือผู้ที่รับประทานอาหารตามข้อจำกัด (เช่น มังสวิรัติ ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากนม) อาหารเสริมเป็นทางเลือกที่ง่ายและสะดวก
  2. ผสมผสานหลากหลายสายพันธุ์ อาหารเสริมคุณภาพสูงหลายชนิดมีแบคทีเรียหลายสายพันธุ์ (สูตรหลายสายพันธุ์) ซึ่งให้ประโยชน์มากกว่าอาหารที่มีจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ส่วนใหญ่ ซึ่งอาจมีแบคทีเรียสายพันธุ์หลักเพียงหนึ่งหรือสองสายพันธุ์เท่านั้น
  3. เก็บได้นาน เมื่อจัดเก็บอย่างถูกวิธี อาหารเสริมคุณภาพสูงมักผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีห่อหุ้มที่ช่วยปกป้องโพรไบโอติกส์จากความชื้น ความร้อน และกรดในกระเพาะอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าแบคทีเรียจะเข้าถึงลำไส้ของคุณได้อย่างมีชีวิต

ประโยชน์ของโพรไบโอติกส์?

โพรไบโอติกส์มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะเมื่อรับประทานเป็นประจำ ครอบคลุมการทำงานในหลาย ๆ ด้านของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยให้ย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้นและ โพรไบโอติกส์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
  • บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก บางสายพันธุ์ช่วยให้ขับถ่ายได้ปกติและลดความรู้สึกไม่สบายตัว
  • การช่วยฟื้นฟูหลังจากใช้ยาปฏิชีวนะ สร้างจุลินทรีย์ในลำไส้ ที่มักจะถูกทำลายด้วยยาปฏิชีวนะ ขึ้นมาใหม่
  • เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกันมากกว่า 70% อยู่ในลำไส้ ไมโครไบโอมหรือกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีสุขภาพดีช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • อารมณ์และสุขภาพจิต: ลำไส้เชื่อมโยงกับสมอง โพรไบโอติกส์อาจช่วยลดความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้าได้โดยมีอิทธิพลต่อสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน
  • สุขภาพผิว โพรไบโอติกส์บางสายพันธุ์สามารถบรรเทาอาการสิว กลาก และการอักเสบของผิวหนังได้
  • การดูแลน้ำหนัก การศึกษาวิจัยใหม่ชี้ให้เห็นว่าโพรไบโอติกส์อาจมีบทบาทในกระบวนการเผาผลาญและการควบคุมความอยากอาหาร

โพรไบโอติกส์ vs พรีไบโอติกส์ เหมือนกันหรือไม่?

โพรไบโอติกส์ และ พรีไบโอติก ไม่เหมือนกันเลย แต่มีการทำงานร่วมกัน ลำไส้ที่สมดุลต้องการทั้งโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกเพื่อให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม

  • โพรไบโอติกส์ คือแบคทีเรียที่มีชีวิตซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างเช่น สายพันธุ์ Lactobacillus casei หรือ Bifidobacterium bifidum เป็นต้น
  • พรีไบโอติกส์ คือเส้นใยอาหาร ที่ไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ ซึ่งพรีไบโอติกมีประโยชน์ในแง่ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ อาหารที่มีพรีไบโอติกส์ เช่น กล้วย (โดยเฉพาะกล้วยที่มีสีเขียวเล็กน้อย), หัวหอม,กระเทียม, ต้นหอม, หน่อไม้ฝรั่ง, ธัญพืชทั้งเมล็ด เช่น ข้าวโอ๊ตและข้าวบาร์เลย์ เป็นต้น

10 อาหารที่มีโพรไบโอติกส์ (Probiotic) มากที่สุด?

  1. โยเกิร์ตธรรมชาติ ให้เลือกโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและไม่เติมน้ำตาล
  2. คีเฟอร์ สายพันธุ์ที่มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตมากกว่าโยเกิร์ต มีรสเปรี้ยว
  3. กิมจิ กะหล่ำปลีหมักของเกาหลีที่มีรสเผ็ด มีประโยชน์ต่อลำไส้
  4. ซาวเคราต์ กะหล่ำปลีหมักที่มีไฟเบอร์และจุลินทรีย์ที่มีชีวิตสูง
  5. เทมเป้ โปรตีนถั่วเหลืองหมัก มีรสชาติของถั่วและโปรตีนสูง
  6. มิโซะ ถั่วเหลืองหมักแบบญี่ปุ่นที่ใช้ในซุปและน้ำสลัด
  7. นัตโตะ ถั่วเหลืองหมักที่มีวิตามินเค 2 สูงและจุลินทรีย์ที่มีชีวิต
  8. คอมบูชา ชาหมักที่มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและโพลีฟีนอล
  9. ผักดอง (หมักในน้ำเกลือ) หมักตามธรรมชาติเท่านั้นที่นับ!
  10. ชีสที่ผ่านการบ่ม (เช่น กูดา เชดดาร์) มีแบคทีเรียที่มีประโยชน์หากมีฉลากระบุว่า “จุลินทรีย์ที่มีชีวิต”
โพรไบโอติกส์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น  แต่ควรกินในช่วงช่วงเวลาท้องว่าง (30 นาทีก่อนอาหาร) มักเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับแบคทีเรียส่วนใหญ่ เนื่องจากระดับกรดในกระเพาะอาหารจะต่ำลง

กินโพรไบโอติกส์เวลาไหนดีที่สุด?

ช่วงเวลาในการรับประทาน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของโพรไบโอติกส์ได้

  • ช่วงเวลาท้องว่าง (30 นาทีก่อนอาหาร) มักเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับแบคทีเรียส่วนใหญ่ เนื่องจากระดับกรดในกระเพาะอาหารจะต่ำลง
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดได้รับการคิดค้นขึ้นเพื่อให้ทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร และสามารถรับประทานร่วมกับอาหารได้

หลีกเลี่ยงการรับประทานโพรไบโอติกส์ร่วมกับเครื่องดื่มร้อนหรือแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำลายแบคทีเรียที่มีชีวิตได้

สุดท้ายแล้ว ความสม่ำเสมอมีความสำคัญมากกว่าช่วงเวลาที่แน่นอน เลือกช่วงเวลาของวันที่เหมาะกับตัวเองและรับประทานตามนั้นอย่างสม่ำเสมอ

วิธีการกินโพรไบโอติกส์

  • ปฏิบัติตามฉลาก ตรวจสอบขนาด เวลา และคำแนะนำในการจัดเก็บ
  • เริ่มรับประทานอย่างช้า ๆ บางคนอาจมีอาการท้องอืดหรือแก๊สเล็กน้อยเมื่อเริ่มรับประทาน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและมักจะเป็นแค่ชั่วคราว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและสร้างสมดุลของแบคทีเรีย
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลหรืออาหารแปรรูป อาหารเหล่านี้จะไปเลี้ยงแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและขัดขวางประโยชน์ของโพรไบโอติกส์
  • รับประทานร่วมกับอาหารพรีไบโอติกเพื่อช่วยให้โพรไบโอติกส์เจริญเติบโต

ควรกินโพรไบโอติกส์เยอะแค่ไหนต่อวัน?

อาหารเสริมส่วนใหญ่มีปริมาณ 1 ถึง 10 พันล้าน CFU ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค สำหรับการดูแลสุขภาพโดยทั่วไป ปริมาณ 1 ถึง 5 พันล้าน CFU ก็เพียงพอแล้ว 

สำหรับอาการเฉพาะ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือหลังได้รับยาปฏิชีวนะ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ 10 ถึง 20 พันล้าน CFU หรือมากกว่านั้น

ทำไมกินโพรไบติกส์แล้วไม่เห็นผล?

การรับประทานแล้วไม่เห็นผล เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ

  1. ไม่ได้รับประทานสายพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพร่างกาย หรือตรงกับปัญหาที่ต้องการแก้
  2. การรับประทานอาหารที่ไม่ดี หรือความเครียดอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
  3. การรับประทานไม่เพียงพอ อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผล
  4. ผลิตภัณฑ์อาจมีคุณภาพต่ำหรือหมดอายุแล้ว

Super You probiotics

ซูเปอร์ เคลียร์ โปรไบโอ – โพรไบโอติกส์รูปแบบผง สามารถฉีกซองและรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมน้ำแล้วดื่มน้ำอุณหภูมิห้องตาม ช่วยปรับสมดุลลำไส้และระบบทางเดินอาหาร มาพร้อมโพรไบโอติกส์ 7 สายพันธุ์วิจัย 100,000 ล้าน CFU ต่อซอง และพรีไบโอติกส์ 3 สายพันธุ์วิจัย โดยจุลินทรีย์นำเข้าจากประเทศอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น ไม่มีส่วนผสมของนม น้ำตาลและไขมัน รสลิ้นจี่ ม็อกเทล รับประทานง่าย อร่อย

ซูเปอร์ เคลียร์ โปรไบโอ พลัส 3เอ็กซ์ – อาหารเสริมสำหรับผู้มีปัญหาขับถ่ายยาก สายแข็ง ภูมิคุ้มกันตก เป็นโพรไบโอติกส์รูปแบบผง สามารถฉีกซองและรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมน้ำ แล้วดื่มน้ำตาม มาพร้อมโพรไบโอติกส์ 7 สายพันธุ์วิจัย 100,000 ล้าน CFU ต่อซอง พรีไบโอติกส์ 3 สายพันธุ์วิจัย และโพสไบโอติกส์ 3 สายพันธุ์วิจัย โดยจุลินทรีย์นำเข้าจากประเทศอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และเดนมาร์ก ไม่มีส่วนผสมของนม น้ำตาลและไขมัน รสส้มเหมือนวิตามินซี รับประทานง่าย อร่อย 

สรุป โพรไบโอติกส์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ได้อย่างไร

ลำไส้เป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพ การดูแลลำไส้ในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าว จะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานดี มีสุขภาพจิตดี และระบบย่อยอาหารที่ดีขึ้น ซึ่งโพรไบโอติกส์ แบคทีเรียที่ดีช่วยรักษาสมดุลตั้งแต่การย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันไปจนถึงอารมณ์ การเผาผลาญ และโพรไบโอติกส์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

การดูแลตัวเองเริ่มได้จากการรับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์สูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีกากใย และใส่ใจสัญญาณของสุขภาพลำไส้